วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

จุดเริ่มต้น ของ bigass...


บิ๊กแอส (BIG ASS)

เริ่มจากการ ที่อภิชาติ พรมรักษา (หมู) และพูนศักดิ์ จตุระบุล (อ๊อฟ) เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 โรงเรียนสตรีวิทยา 2 และได้ร่วมกันตั้งวงดนตรีขึ้นมาแต่ไม่ได้จริงจังนัก จนกระทั่งเรียนจบมัธยมก็ได้แยกย้ายกันไป จากนั้นอ๊อฟก็ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยก่อสร้างดุสิต จึงชักชวนเอกรัตน์ วงศ์ฉลาด (แด๊กซ์) ซึ่งเรียนอยู่ที่เดียวกันมาร่วมวงด้วย ขณะนั้นหมูที่เรียนอยู่ที่วิทยาลัยช่างศิลป์ ก็ชักชวนเอกรัตน์ รัตนปิณฑะ (ต้น) เพื่อนร่วมวิทยาลัยมาด้วยอีกคน แต่ทั้งสี่ยังขาดมือกลอง จึงชวนขจรเดช พรมรักษา (กบ) น้องชายของหมูมาเสริมทีม ต่อมาเมื่อเอกรัตน์ รัตนปิณฑะ (ต้น) ลาออกจากวง ก็ได้ พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์ (โอ๊ค) มือเบสคนใหม่เข้ามาแทน และกลายมาเป็น BIG ASS

หลังจากคว้ารางวัลสีสันอวอร์ด สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ปี 2541 จากอัลบั้ม "NOT BAD" และหลังจากแอบไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางดนตรี ด้วยการช่วยทำงานเบื้องหลังให้เพื่อนๆ ศิลปินร่วมค่าย อีก 2 ปีต่อมา พวกเขากลับมาพร้อมอัลบั้มหมายเลข 2 "XL" ดนตรีขนาดใหญ่ที่โตพองด้วยเนื้อหาและซาวนด์ดนตรี จากความเป็นป๊อปร็อคของอัลบั้มแรก กลายมาเป็นร็อคที่มีกลิ่นฮาร์ดคอร์ เพลงเด่นๆ อย่าง "ก่อนตาย" "เพื่อนชวนไปแอบดู" กับเพลงเนื้อหากวนๆ "ผู้ชายมือสอง" ที่แสดงคาแรคเตอร์ของวงได้ชัดเจน หรือจะเป็นเพลงช้าที่โดนใจอย่างเพลง "เธอเก็บฉันไว้ทำไม" "รักเขาให้เท่าฉัน" รวมทั้งยังได้เข้าชิง "เพลงร็อคยอดเยี่ยม" จากรางวัลสีสันอวอร์ด ในเพลง "ศักดิ์เอ๋ย" ปี 2543 อีกด้วย

ปี 2546 พวกเขากลับมาอีกครั้ง กับอัลบั้ม My World หลังจากห่างหายไปเกือบ 3 ปี เพื่อไปทำงานเพลงเบื้องหลัง ให้กับศิลปินในสังกัดมิวสิค บั๊กส์ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง อาทิ บอดี้สแลม, Free เป็นต้น

งานเพลงชุด 3 ที่พวกเขาทั้งโปรดิวซ์และร่วมเขียนเนื้อเพลงเอง อัลบั้ม My World จึงถือกำเนิดขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่า "ทุกคนต่างมีโลกเป็นของตัวเอง และไม่จำเป็นที่โลกของแต่ละคน จะต้องเหมือนกันเพลงทุกเพลงในอัลบั้มนี้ คือโลกของพวกเรา ที่อยากให้ทุกคนได้รู้จัก"

1 ปีให้หลัง พ.ศ. 2547 พวกเขาก็ย้ายบ้านจาก สังกัดมิวสิค บั๊กส์ ไปสู่บ้านใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่าง จีนี่ เร็คคอร์ดส ในเครือแกรมมี่ ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ส่งผลให้พวกเขาออก อัลบั้มชุด "Seven" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่บ่งบอกถึงการเดินทางอันยาวนานบนเส้นทางดนตรีที่กำลังเข้า สู่ปีที่ 7 และเพลงในอัลบั้มชุดนี้โด่งดังแทบทุกเพลงเรียกได้ว่าดังกันข้ามปีกันเลยที เดียว ทั้งเพลงเร็วสนุกๆ มันๆ ในแนวของ BIG ASS เช่น "ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก" ,"เล่นของสูง" หรือเพลงช้ากินใจอย่าง "คนไม่เอาถ่าน" ,"เกิดมาแค่รักกัน" ,"ดีแต่ปาก" เรียกได้ว่ากลับมาทั้งทีก็ยังคงคุณภาพไว้เต็มเปี่ยมเช่นเดิม

ปลายปี 2548 BIG ASS มีผลงานเพลงพิเศษ ในอัลบั้ม "วันฟ้าใหม่" โปรเจกต์พิเศษต้อนรับปีใหม่ โดยได้ร่วมงานกับวงร็อครุ่นน้องอย่าง "บอดี้แสลม" ในเพลง "เรา" ซึ่งเป็นเพลงพิเศษที่ร้องร่วมกับ BODYSLAM ในคอนเสิร์ต BIG BODY และหลังจากนั้น 22 เมษายน 2549 BIG ASS ก็ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง คือ M-150 สุดชีวิตคนไทย ร่วมกับ BODYSLAM POTATO เสก LOSO และ ลานนา คัมมินส์

และล่าสุดหลังจากที่ห่างหายไปนานกว่าเกือบ 2 ปี และต้องพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านมันมาได้ พวกเขาได้สร้างสรรค์ผลงานอัลบั้มใหม่เป็นที่เรียบร้อย ในเดือนพฤศจิกายน 2549 ภายใต้ชื่ออัลบั้ม BEGINS เปิดตัวด้วยเพลงร็อกหนักแน่นอย่าง "ปลุกใจเสือป่า" และมีเพลงอื่นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น "ข้าน้อยสมควรตาย" "คนหลงทาง" หรือเพลงช้าที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักอย่างเพลง "พรหมลิขิต" ซึ่งขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ทั่วประเทศ

17 มีนาคม 2550 BIG ASS ได้เปิดคอนเสิร์ตใหญ่ ชื่อ "BIG ASS เปิดพรหมลิขิต" โดยดารารับเชิญ เช่น Bodyslam, บอย Peacemaker, Retrospect เป็นต้น และอัลบั้มนี้สามารถกวาดทุกรางวัลของสาขาร็อคจากสีสันอวอร์ดอีกครั้ง ได้แก่ 1.อัลบั้มร็อคยอดเยี่ยม 2.วงร็อคยอดเยี่ยม 3.เพลงร็อคยอดเยี่ยม(begins)

ต้นปี 2551 BIG ASS ได้มีโอกาศทำเพลงประกอบภาพยนต์อีกครั้ง จากเรื่อง "ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น"
ซึ่งเพลง "อย่างน้อย" ก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

ปลายปี 2551 พวกเขาได้กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มเพลง "Love" พร้อมทั้งเปิดตัวเพลง "รัก" ซึ่งพวกเขามีความเชื่อว่า "ความรัก คือ ทางออกของทุกอย่าง" ทางด้านดนตรีก็ยังคงเป็นแนวร็อคแบบ Big Ass อยู่เหมือนเดิม แต่เพลงนี้พิเศษตรงที่ได้มีการนำเอา "ขลุ่ย" ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีไทยมาอยู่ในเพลงนี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: